[ST : Harry Potter crossover Sherlock] Tom Riddle
อย่าเพิ่งเข้ามา อย่าเพิ่งกด fav. น้าาาาา ไรท์ขอร้องล่ะ ;_; มีอะไรจะแจ้งในฟิคเดิมนะคะ
ผู้เข้าชมรวม
2,574
ผู้เข้าชมเดือนนี้
15
ผู้เข้าชมรวม
tom riddle tomriddle sherlock holmes sherlockholmes case investigate magic albus dumbledore albusdumbledore severus snape severussnape
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เฟริน่ากำลังจะล้มตัวนอนลงบนเตียง แต่แล้วเธอก็กลับจ้องไปที่บานประตูห้องอีกครั้ง เธออดรู้สึกไม่สบายใจไม่ได้ เมื่ออยู่ๆต้องเช่าห้องพักร่วมกับชายหนุ่มท่าทางประหลาด ถึงแสตมฟอร์ดจะยืนยันกับเธอว่าเชอร์ล็อก โฮล์มส์ไม่ใช่ผู้ชายที่สนใจผู้หญิง เรียกได้ว่าไม่เคยสนใจเลยจะดีกว่าก็ตาม แต่หญิงสาวอดกังวลไม่ได้ เธอเลิกผ้าห่มออกและเดินไปที่ประตูห้อง ก้มลงไปสำรวจลูกบิดประตูให้แน่ใจอีกครั้งว่าตัวเองล็อกมันดีแล้ว
แต่ทว่า... เธอก็อดประหวั่นพรั่นพรึงไม่ได้ แม้เขาจะเป็นผู้ชายร่างผอมสูงดูแล้วไม่น่าจะแข็งแรงพอพังประตูเข้ามาได้ แต่เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน... เธอหันรีหันข้างและสายตาก็ไปเจอกับเก้าอี้ในห้อง คุณหมอสาวเดินไปและยกเก้าอี้ขึ้น พลางย่องอย่างเงียบกริบ เธอไม่ต้องการให้ชายหนุ่มร่วมห้องได้ยินว่าเธอกำลังเคลื่อนย้ายเก้าอี้ไปกั้นที่ประตู
กึก!
เสียงขาเก้าอี้ทั้งสี่กระแทกพื้นห้องเบาๆอย่างไม่ได้ตั้งใจ เฟริน่ารีบเงี่ยหูฟังว่าโฮล์มส์ได้ยินหรือไม่ แต่เมื่อนอกห้องไม่มีเสียงอะไรนอกจากเสียงท่อนไม้แตกเปรี๊ยะจากความร้อนในเตาผิง เธอก็ถอนหายใจโล่งอก และกลับไปล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง
รุ่งเช้าอดีตผู้ช่วยศัลยแพทย์ประจำกองพันที่ 5 รีบลุกขึ้นมาแต่งตัว ตั้งใจว่าวันนี้จะออกไปสำรวจรอบถนนเบเกอร์ แต่เมื่อเธอเปิดประตูห้องออกไป เธอก็พบเชอร์ล็อก โฮล์มส์กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมหน้าเตาผิง ขายาวๆของเขาเหยียดไปบนพื้นห้อง สองมือประนมจดคาง สีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“อรุณสวัสดิ์” เธอเอ่ยอย่างเก้อๆ ไม่บ่อยนักที่เธอจะได้เช่าห้องร่วมกับผู้ชาย แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มไม่ตอบ เธอจึงเอ่ยให้ดังขึ้นอีกครั้ง “อรุณสวัสดิ์ คุณโฮล์มส์”
ชายหนุ่มเจ้าของชื่อพ่นลมหายใจแผ่วติดจะรำคาญ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เอาแต่จ้องมองไปยังจุดหนึ่งบนกำแพงและไม่แม้แต่จะเอ่ยทักทายเพื่อนร่วมห้องกลับ
เฟริน่าพยายามรักษาสีหน้าตัวเองไว้ให้ราบเรียบ ดูท่าเพื่อนร่วมห้องของเธอจะไม่ค่อยอยากผูกมิตรสักเท่าไหร่ หญิงสาวคิดว่าเสียเวลาเปล่าจึงจะออกไปเดินสำรวจบริเวณรอบๆที่พัก แต่ขณะที่มือเธอแตะลูกบิด โฮล์มส์ก็ร้องตะโกนขึ้นว่า
“หมอ!”
หญิงสาวสะดุ้งตัวลอย และหันไปมองเพื่อนร่วมห้อง
“อะไรของคุณ ฉันตกใจหมด ทำไม -- “
“อยากไปช่วยผมสืบคดีไหม” เขาพูดขัดขึ้นด้วยท่าทางกระปรี้กระเปร่า พลางลุกจากเก้าอี้นวมและก้าวข้ามห้องไปหยิบเสื้อคลุมสีเข้มและผ้าพันคอ ก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าเธอ อดีตทหารแพทย์เงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างงุนงงระคนตกใจ
“ว่าไงนะ คุณจะให้ฉันไปด้วยเหรอ”
“ใช่สิ ถ้าคุณไม่มีอะไรทำละก็” เขาพูดและหมุนลูกบิดประตูก้าวออกไป เขารีบลงบันไดไปก่อน และตะโกนอีกว่า “ผมจะรออยู่หน้าประตูและเรียกแท็กซี่”
เฟริน่าไม่แน่ใจว่าตัวเองมานั่งในแท็กซี่กับคุณโฮล์มส์ได้อย่างไร แต่ตอนนี้เธอกับเขากำลังอยู่ที่เบาะหลังรถ
“คุณเคยเห็นศพมาเยอะเลยสินะ” เขาเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ขณะกำลังหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู
หญิงสาวไม่นึกว่าเขาจะชวนเธอคุย เพราะตั้งแต่ขึ้นรถมาร่วมสองชั่วโมงเขาก็เอาแต่นิ่งเงียบและมองออกไปนอกหน้าต่าง
“เอ้อ พอสมควรเลยล่ะที่อัฟกานิสถาน” เธอตอบ “คดีที่เราจะไปมีศพงั้นเหรอ”
“เปล่า” เขาตอบและเก็บโทรศัพท์มือถือเร็วๆใส่กระเป๋าเสื้อคลุม “แค่คดีของหายน่ะ”
“อ้อ” เฟริน่าตอบได้แค่นั้น พลางคิดว่างานนักสืบของเขาคือหาของหายหรือตามหาสัตว์เลี้ยงอย่างที่เธอแอบค่อนแคะไว้จริงๆด้วย ดูท่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้มีดีอย่างที่เขาอวดอ้างความฉลาดเอาไว้เลย
“ถึงแล้ว” เขายัดเงินใส่มือคนขับรถและกระโดดลงมาที่พื้นถนน เฟริน่ารีบเปิดประตูลงมาและเดินอ้อมรถไปหยุดข้างๆเขา
บ้านหลังหนึ่งที่มีบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้านไม่กว้างนักปรากฏสู่สายตา สวนถูกดูแลเป็นอย่างดี และท่าทางเจ้าของบ้านหลังนี้น่าจะเป็นพวกมีอันจะกิน ชายหนุ่มก้าวยาวๆไปหยุดอยู่หน้าประตูเงามันปลาบและกดกริ่ง เฟริน่ารีบวิ่งตามไปหยุดยืนข้างๆ
ฉับพลันประตูบ้านก็เหวี่ยงเปิดออก หญิงสาวผมสีบลอนด์มีกระเต็มใบหน้าแดงๆ เธอดูอายุเพียงยี่สิบปีและมีสีหน้าดูอึดอัดใจมาก
“มาพบใครคะ” หล่อนถาม
“แจ้งกับคุณคัลเลนว่าผมเชอร์ล็อก โฮล์มส์ที่นัดไว้ครับ”
แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวคนนั้นจะตอบ ก็มีเสียงแหบๆดังขึ้น พร้อมกับมีชายรูปร่างท้วมวัยห้าสิบปี ไว้หนวดเครา ศีรษะเริ่มล้านเลี่ยนไปครึ่งหนึ่งเดินมาที่หน้าประตู จมูกของเขาใหญ่มาก มีดวงตาเล็กหยีสีดำสนิทและมีหนวดเคราหรอมแหรม
“อ้อ คุณโฮล์มส์ ยินดีมากที่คุณยอมมาพบผมสักที” ชายวัยห้าสิบปีบอกอย่างกระตือรือร้นและยื่นมือมาให้
แต่เชอร์ล็อก โฮล์มส์กลับเอามือทั้งสองข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุม สายตาจ้องไปยังพื้นพรมและองค์ประกอบอื่นๆของตัวบ้านอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาไม่ปรายตามามองคุณคัลเลนอีกเลย เฟริน่าพอจะรู้มาว่าเขาค่อนข้างแปลกและหยาบคาย แต่ไม่เคยเห็นเขาทำตัวหยิ่งจองหองและหยาบคายมากเท่านี้มาก่อน
ชายที่เฟริน่าเดาว่าน่าจะชื่อคัลเลนดึงมือกลับไปและหัวเราะอย่างเก้อๆ ใบหน้าอูมเป็นสีแดง ก่อนที่สายตาของเขาจะเลื่อนมาที่เธอ แล้วเขาก็ใช้สายตาสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างระมัดระวัง
“นั่นผู้ช่วยคุณเหรอ” คุณคัลเลนถาม
“แฟน” โฮล์มส์ตอบในทันที
เฟริน่าอ้าปากค้าง นึกงุนงงว่าทำไมเขาถึงตอบชายคนนั้นไปแบบนั้น แต่ก่อนที่เธอจะแก้ความเข้าใจผิดกับคุณคัลเลน โฮล์มส์ก็รีบพูดต่อไปในทันทีว่า
“ผมต้องการฟังเรื่องเล่าของคุณโดยละเอียด”
โฮล์มส์ไม่พูดเปล่าแต่เดินแทรกเข้าไปในบ้านก่อนที่คุณคัลเลนจะเชื้อเชิญ ชายหนุ่มก้าวยาวๆไปที่ห้องรับแขกและนั่งบนเก้าอี้นวมทำตัวราวกับเป็นบ้านของเขาเอง คุณคัลเลนและหญิงสาวที่น่าจะเป็นคนรับใช้มองการกระทำของนักสืบหนุ่มอย่างอึ้งๆในความไร้มารยาท
“ต้องขอโทษแทนเขาด้วยนะคะ” เฟริน่ารู้สึกอายแทน หญิงสาวคิดว่าเป็นหน้าที่ของเธอที่ต้องหันไปกล่าวขอโทษชายเจ้าของบ้านและสาวรับใช้
“ช่างมันเถอะ” คุณคัลเลนบอกอย่างไม่ถือสา ก่อนจะผายมือไปยังเก้าอี้นวมตรงข้ามเชอร์ล็อก “คุณไปนั่งตรงนั้น เดี๋ยวราเชลจะนำชามาเสิร์ฟให้”
เฟริน่าเดินไปทิ้งตัวนั่งตรงข้ามกับนักสืบหนุ่มที่มีโต๊ะตัวหนึ่งวางกั้นอยู่ตรงหน้า บนโต๊ะมีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งวางอยู่ เชอร์ล็อกนั่งพิงพนักเก้าอี้ พลางใช้สายตามองห้องรับแขกราวกับจะเก็บรายละเอียด
“คุณหยาบคายมาก” เธอกระซิบลอดไรฟัน
“คุณเป็นประเภทด่วนใจอ่อนแบบนี้เสมอเลยหรือ คุณหมอวัตสัน” เชอร์ล็อกละสายตาจากเครื่องเรือนในห้องและใช้ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองเธอ มุมปากยกยิ้มเยาะอยู่ในทีที่หญิงสาวไม่ชอบเลย
คุณหมอสาวพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด พยายามกระซิบลอดไรฟันเตือนสติเขาไม่ดังไปกว่านี้เพื่อไม่หักหน้านักสืบหนุ่มหยิ่งจองหองต่อหน้าลูกค้า
“ถ้าคุณไม่ต้องการจะจับมือคุณคัลเลน อย่างน้อยแค่ยืนเฉยๆ ไม่จำเป็นต้องถึงกับล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแบบนั้น เขาเป็นลูกค้าคุณนะ ถ้าคุณยังจำได้อยู่ คุณโฮล์มส์”
ใบหน้าหล่อเหลาแบบเฉยชายิ้มนิดๆติดจะดูถูก
“หมอ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ผมอยากจะรู้ว่าเมื่อคุณก้าวออกจากบ้านหลังนี้ไป คุณยังจะพูดแบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า”
คุณหมอสาวยังไม่ทันมีโอกาสได้ถามว่าสิ่งที่เขาพูดหมายถึงอะไร คุณคัลเลนก็เดินเข้ามาในห้อง เขาตรงมานั่งข้างเฟริน่า ใบหน้าอูมนั้นมันปลาบดูยินดี
“เอาล่ะ เล่ามา คุณคัลเลน” เชอร์ล็อกเข้าเรื่องทันที ชายหนุ่มยังคงนั่งพิงพนักเก้าอี้ ดูอดทนอดกลั้นและไม่ใส่ใจชายร่างท้วมมากนัก ออกจะดูรำคาญหน่อยๆเสียด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นเฟริน่าอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเขากำลังอดทนอะไรอยู่
สีหน้าของชายเจ้าของบ้านดูขึงเครียดขึ้นมา เขามองไปรอบๆราวกับหวาดผวาอะไรบางอย่าง
“คุณโฮล์มส์ คุณเชื่อเรื่องผีไหม” คุณคัลเลนกระซิบ
คิ้วของชายหนุ่มย่นเข้าด้วยกัน สายตาบ่งบอกว่ารำคาญเต็มที แต่ก็อดทนนั่งต่อไป
“ไม่”
คุณคัลเลนหันไปรับชาที่หญิงรับใช้มาเสิร์ฟ ก่อนจะใช้หลังมือเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก เชอร์ล็อกรับชามาแต่ไม่ดื่ม เขากำลังยกมันขึ้นมาดมใกล้ๆ คิ้วขมวดชนกันและวางถ้วยชาลง เฟริน่าไม่ตำหนิเขาเลย เพราะชามีรสฝาดคอมาก
“ผมคิดว่าที่นี่มีผี ในบ้านผมมี -- “
“เข้าเรื่องสักที คุณคัลเลน!” โฮล์มส์ประกาศอย่างรำคาญ ชายร่างท้วมรวมทั้งเฟริน่าสะดุ้งเมื่ออยู่ๆนักสืบหนุ่มก็ตวาดออกมาเสียงดัง
“ก็ได้ๆ คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหน” มือของชายเจ้าของบ้านสั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ “หลายคืนแล้วที่ในห้องเก็บของเก่าที่ผมซื้อมา ของเหล่านั้นมันขยับออกจากที่เดิมได้ ตอนแรกผมถามราเชลว่าเธอเป็นคนเคลื่อนย้ายมันหรือเปล่า แต่เธอปฏิเสธ ผมไม่เชื่อเธอ พอๆกับไม่เชื่อว่าผีมีจริงในโลก แต่อีกสองคืนถัดมาผมก็เห็นด้วยตาตัวเองว่ามันขยับเองได้ รูปวาดที่ผมซื้อมาขยับออกจากที่เดิม แต่น่าแปลกที่ของแต่ละชิ้น พอมันได้ขยับแล้ว อีกวันมันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย คุณคิดว่ามันแปลกไหมล่ะ ถ้าไม่ใช่ฝีมือผีน่ะ”
เฟริน่าอดไม่ได้ที่จะต้องตั้งใจฟัง นี่ดูจะเป็นเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติเกินกว่าจะเป็นเรื่องของหายธรรมดาเสียแล้ว
แต่นักสืบหนุ่มดูไม่สนใจ เขาออกจะเบื่อหน่ายเสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มเปลี่ยนมานั่งไขว่ห้างและกลอกตามองไปบนเพดานอย่างระอา การกระทำนั้นค่อนข้างไร้มารยาทมาก เฟริน่ากำลังจะเตะขาเขาที่ใต้โต๊ะเพื่อให้หยุดทำแบบนั้นก็พอดีกับที่มืออวบอูมของคุณคัลเลนเลื่อนมาจับหน้าขาของเธอ คุณหมอสาวรู้สึกตกใจจนนั่งตัวแข็งทื่อ เธอไม่กล้าร้องออกมาและพยายามนั่งเขยิบออกห่าง แต่มือของชายร่างท้วมกดหน้าขาเธอไว้และบรรจงลูบอย่างแผ่วเบาจนทำให้เธอขนลุก
“คุณโฮล์มส์ คุณต้องช่วยผมไขคดีนี้นะ” คุณคัลเลนขอร้องนักสืบหนุ่ม เขาไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาเลยว่าที่ใต้โต๊ะกำลังคุกคามคุณหมอสาวอยู่ “ผมได้ยินมาว่าคุณชอบไขคดีแปลกๆใช่ไหม นี่น่าจะเป็น -- “
แล้วเชอร์ล็อก โฮล์มส์ก็ทำในสิ่งที่เฟริน่าไม่คาดฝัน เขากระโจนลุกขึ้นยืนและหวดหมัดพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของชายร่างท้วมเข้าเต็มๆ
หญิงสาวอ้าปากค้าง ในขณะที่คุณคัลเลนเลิกสัมผัสหน้าขาของเธอและเปลี่ยนมากุมใบหน้า เลือดกำเดาไหลเปรอะออกมาจากจมูก โฮล์มส์คว้าทิชชู่ขึ้นมาเช็ดคราบเลือดออกจากหลังมือ
“นี่สำหรับการแอบลูบขาแฟนผม -- ไปกันเถอะ หมอ” เขาพูดห้วนๆ เดินไปจนถึงประตูห้องรับแขก ก่อนจะหยุดและหมุนตัวกลับมาราวกับเพิ่งนึกได้ “ผมไขคดีนี้ได้แล้ว เย็นนี้จะเขียนอีเมล์มาบอก โอนเงินค่าไขคดีเข้าบัญชีผมด้วย อย่าลืมหักค่ารักษาพยาบาลจมูกคุณออกด้วยล่ะ”
ขณะที่ออกจากบ้านของคุณคัลเลนนั้นก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว เชอร์ล็อก โฮล์มส์เดินนำไปหยุดอยู่ริมถนน เขามีสีหน้าเบื่อหน่ายระคนหงุดหงิดใจเป็นที่สุดในยามนี้
“ทีนี้คุณรู้หรือยัง วัตสัน” เขาเอ่ยขึ้น
“คุณทำให้ฉันประหลาดใจมาก คุณโฮล์มส์... แต่ว่าคุณรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นคนแบบนั้น คุณไม่ได้แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ในตอนแรกที่เห็นหรอกใช่มั้ย ?”
“เรื่องแบบนี้คาดเดามั่ว ๆ ไม่ได้หรอกนะ หมอวัตสัน” เขาตอบและดูพอใจมากที่เห็นสีหน้าทึ่งๆของคุณหมอสาว เมื่อเขามองปราดเดียวก็สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นอย่างไร “สิ่งแรกที่ผมสังเกตเห็นเลยคือราเชล สาวรับใช้ ถ้าคุณสังเกตดีๆว่าหน้าตาของเธอดูอึดอัดใจมาก มีรอยแดงบนข้อมือของเธอ เล็บมีรอยเลือดสดใหม่สีแดง เสื้อผ้ายับย่นเป็นบางตำแหน่ง คงไม่มีใครใส่เสื้อผ้ายับย่นแบบนั้น นอกจากว่ารอยเหล่านั้นจะเพิ่งเกิดขึ้น ถูกไหม”
“ยังไง”
“สมมติว่าผมคือผู้ชายที่กำลังพยายามจะคุกคามคุณ และคุณพยายามจะขัดขืน สิ่งที่ผมทำคืออะไร ลองคิดสิหมอ” เขาใช้นิ้วเรียวยาวเคาะที่ขมับตัวเอง แต่ไม่ต้องรอให้เฟริน่าตอบ เขาก็ตรงเข้ามาอย่างรวดเร็วและคว้าเข้าที่แขนเสื้อคลุมของเธอและกระชากเข้าหาตัว
“นี่คุณ !” คุณหมอสาวตื่นตระหนกตกใจมาก เธอพยายามผลักเขาออกไป แต่กลับถูกเขากำแขนไว้แน่น
โฮล์มส์หัวเราะลั่นพลางปล่อยมือ ก่อนจะชี้ตรงรอยยับย่นที่แขนเสื้อบริเวณที่เขาจับเพื่อกระชากตัวเธอเข้าไปหา
“เห็นไหม คุณเห็นหรือยัง หมอ” นักสืบหนุ่มพูดพลางหันไปโบกแท็กซี่ที่กำลังขับมา ทั้งเธอและเขาก้าวขึ้นไปนั่งบนเบาะหลัง
“คุณมันบ้าจริงๆเชียว ! ฉันตกอกตกใจหมด”
“ถึงตรงไหนแล้วนะ” โฮล์มส์พูดขึ้นต่อไปราวกับสนุกสนานเสียเต็มประดา “อ้อ ! แล้วพอคุณคัลเลนก้าวออกมา จิ๊กซอว์ในหัวของผมก็สมบูรณ์ ตัวเขามีกลิ่นน้ำหอมของราเชล และมีรอยข่วนที่เพิ่งเกิดขึ้นที่ใต้ไรหนวดเคราของเขา” เขาผายมือราวกับนี่เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน และมันเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากที่จะมองใครปราดเดียวก็รู้
เฟริน่ายกมือขึ้นนวดขมับพร้อมกับพูดว่า
“คุณทำฉันมึนไปหมดแล้วนะนี่... ยิ่งใคร่ครวญดูว่าฉันเห็นอะไรบ้างในสิ่งที่คุณเห็น ฉันกลับไม่เฉลียวใจเห็นสิ่งเหล่านั้นเลย มันลึกลับซับซ้อนมากที่จะเข้าใจง่ายๆในตอนแรก แต่พอคุณอธิบายมันก็ไม่ได้ดูยากอะไรเลย แต่ทำไมฉันถึงไม่เห็น”
โฮล์มส์ยิ้มอย่างเห็นด้วย เขาไม่มีท่าทีถ่อมตนเลยสักนิด
“แน่นอน เพราะว่าผมคือเชอร์ล็อก โฮล์มส์ ผมฉลาดเสมอ”
“นั่นเป็นสาเหตุใช่มั้ย ? คุณถึงตอบเขาไปว่าฉันเป็นแฟนคุณ เพื่ออย่างน้อยเขาคงจะมีสามัญสำนึกเสียบ้างและไม่ทำอะไรรุ่มร่ามใส่ฉัน” เธอถามพลางดึงมือจากขมับ
“ถูกต้อง แต่ผมคงอนุมานผิดไปหน่อยเรื่องระดับสามัญสำนึกของเขา”
“อืมม์... แต่หมัดคุณแรงใช่ย่อย ขอบคุณจริงๆ ฉันไม่น่าด่วนว่าคุณเลย คุณโฮล์มส์”
โฮล์มส์ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมและดึงเอาโทรศัพท์มือถือออกมา แต่ก่อนที่คุณหมอสาวจะได้เอ่ยถามเรื่องที่เขาบอกมิสเตอร์คัลเลนว่าไขคดีได้แล้ว ก็มีสายเข้าโทรศัพท์มือถือของเขา แต่โฮล์มส์กลับกดตัดสายอย่างไร้เยื่อใย และไม่ว่าใครก็ตามที่พยายามติดต่อเขานั้นช่างมีความอดทนอย่างล้นเหลือต่อความหยาบคายของโฮล์มส์ที่กดตัดสายทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า
“พับผ่าซิ !” แล้วเขาก็ต้องกดรับสาย “ว่าไง เซเวอร์รัส”
เฟริน่าไม่ใช่คนชอบจุ้นจ้าน แต่สีหน้าที่เปลี่ยนมาเยือกเย็นกะทันหันของโฮล์มส์ก็ทำให้เธอเกิดอยากรู้ว่าปลายสายคือใครกัน แต่เสียดายที่เขาพูดสองสามประโยคกับคำพูดที่ไม่เข้าใจสักนิด เช่น ยาพิษหมายเลข 86... มือปราบมาร... หล่อนเป็นมักเกิ้ล... ผมโดนยึดไม้ไปแล้วนี่ !... ฝากซื้อบัตเตอร์เบียร์มาด้วย...
และเมื่อเขาวางสายลงด้วยสีหน้ารำคาญใจอย่างเห็นได้ชัด เธอก็หวีดร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นนกฮูกตัวหนึ่งถลาร่อนลงมาชนที่กระจกหน้าต่างแท็กซี่เข้าอย่างจัง คนขับสบถดังนั่น แต่โฮล์มส์ดูไม่ตกใจ เขารีบเปิดกระจกรถและกระชากเอาจดหมายที่อยู่ในจะงอยปากของนกฮูกมา
เฟริน่าแน่ใจว่าเห็นมันจ่าหน้าถึงใครคนอื่นที่ไม่ใช่ เชอร์ล็อก โฮล์มส์
ทอม มาโวโร่ ริดเดิ้ล
“นั่นชื่อใครหรือ” คุณหมอสาวอดถามไม่ได้
โฮล์มส์รีบยัดจดหมายฉบับนั้นใส่กระเป๋าเสื้อคลุมอย่างไม่ใส่ใจว่ามันจะยับ
“ชื่อคนรู้จัก” เขาตอบห้วนๆ สายตาดูเหม่อลอยราวกับคิดอะไรอยู่
“แต่บ้านเลขที่ 221 บี ไม่มีใครชื่อนี้นะ” เธอพูดราวกับนึกได้ “แล้วนกฮูกนั่นมา -- ”
“หมอ แล้วมันมีประโยชน์อะไรสำหรับคุณที่จะต้องรู้ล่ะ ?” เขาขัดขึ้นอย่างหมดความอดทน
เฟริน่าอ้าปากค้าง และรีบหุบปากตัวเองลงอย่างรวดเร็ว เธอเพิ่งตระหนักได้ว่า แม้การที่เขาพาเธอมาสืบคดีด้วย แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยให้เขาทำตัวหยาบคายและจองหองกับเธอน้อยลง แล้วโฮล์มส์ก็ดึงปกคอเสื้อคลุมขึ้นมา และเอนหลังหลับตาลง ปลายนิ้วมือประสานกันอยู่บนอก
ทีแรกคุณหมอสาวไม่แน่ใจนักว่าเขาหลับหรือไม่ เพราะร่างกายเขาดูนิ่งและไม่มีการนอนกรนหรือนอนอ้าปากแต่อย่างใด แต่เมื่อรถแท็กซี่พามาถึงถนนเบเกอร์และหยุดจอดที่หน้าบ้านเลขที่ 221 บี เขาก็กระเด้งตัวขึ้นจากพนักพิงทันที โฮล์มส์ลงจากรถและก้าวยาวๆเข้าประตูไปโดยไม่คิดที่จะรอหรือจ่ายเงินค่ารถ
เฟริน่ามองตามเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อนิสัยเอาแต่ใจ แต่กระนั้นก็รีบหยิบกระเป๋าสตางออกมาและยื่นเงินให้คนขับรถ ก่อนจะลงจากรถและเปิดประตูเข้าไปในบ้านบ้าง และทันทีที่มาถึงโถงทางเดิน เสียงไวโอลินก็ดังขึ้นเป็นจังหวะทำนองว้าวุ่นและเครียดขึง แต่เศร้าหมองในขณะเดียวกัน คุณนายฮัดสันเดินมาที่ประตูกำลังจะเอาขยะไปทิ้ง เฟริน่าจึงช่วยหล่อนหิ้วไปวางกองที่หน้าบ้าน
“คุณรู้จักเขามาก่อนฉัน ปกติเขาเป็นคนแบบนี้ประจำหรือคะ” คุณหมอสาวถาม
คุณนายฮัดสันมองขึ้นไปยังชั้นบน พลางยกมือทาบอกและส่ายหน้าว่า
“บางทีฉันก็ไม่เข้าใจว่าเชอร์ล็อกคิดอะไรอยู่ เขาไม่มีเพื่อนเลย อาจจะด้วยนิสัยหยาบคายของเขาด้วย แต่จริงๆแล้วเขาเป็นคนดีมากนะ” หล่อนบอก และกุมมือเธอไว้ ดวงตาเป็นประกายปลื้มปริ่ม “ฉันดีใจนะที่เธอยอมเป็นเพื่อนกับเขา”
เฟริน่าหัวเราะเก้อๆอย่างไม่รู้จะตอบอะไร ถ้าไม่บังเอิญว่าเธอต้องการอยู่ในลอนดอนและหาห้องเช่าราคาถูก คุณหมอสาวคงจะไม่มีทางจับพลัดจับผลูมาอยู่กับเขาแน่ ๆ
"เชอร์ล็อก!" เฟริน่าเหวเสียงดังอย่างหัวเสีย หลังจากที่ใช้เท้าเตะประตูห้องอยู่นาน เธอหอบหิ้วถุงกระดาษที่เต็มไปด้วยอาหารสำหรับทำกินสองสัปดาห์มาจนล้นเต็มสองแขน และตอนนี้ไม่มีแม้แต่มือที่จะหมุนลูกบิดประตู แต่เมื่อนักสืบหนุ่มไม่ยอมมาเปิด เธอจึงต้องวางห่อกระดาษลงพิงกำแพง พลางล้วงเอากุญแจมาไขประตู และทันทีที่เปิดเข้าไป เธอก็พบว่าเชอร์ล็อกกำลังนั่งบนเก้าอี้นวมตัวเดิมตรงข้ามกับเซเวอร์รัส สเนป ชายที่มีผมเงามันเยิ้ม จมูกตะขององุ้มทำให้เขาดูเหมือนเหยี่ยว และดวงตาสีดำขลับเย็นชาหันมาสบตาเธอ ก่อนจะหันไปยังนักสืบหนุ่มอีกครั้ง
"ฉันคงต้องกลับแล้ว" สเนปพูดพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้นวม ในขณะที่เชอร์ล็อกไม่แม้แต่จะชำเลืองมองหรือเอ่ยคำลา
"สวัสดีตอนเย็นค่ะ คุณสเนป คุณจะอยู่ทานมื้อค่ำ -- "
"ไม่ต้อง เขาจะกลับแล้ว" เชอร์ล็อกขัดขึ้น เฟริน่าเห็นชายจมูกตะขอเดินสวนเธอออกจากประตูไป เขาไม่ใส่ใจท่าทีหยาบคายของนักสืบหนุ่มด้วยซ้ำ เฟริน่ารีบหันไปยกห่อกระดาษขึ้นมาและใช้เท้าเตะประตูให้ปิดลง เธอก้าวเข้าไปวางห่อกระดาษบนโต๊ะในครัว
เฟริน่าไม่เคยชอบมารยาททางสังคมของเชอร์ล็อกเลย และเป็นอีกครั้งที่เขาทำตัวหยาบคายใส่ผู้ชายคนนั้นที่เขาไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร แต่เฟริน่าคิดว่าสเนปคงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แม้เขาจะเป็นคนเงียบๆและดูน่ากลัวก็ตาม
"คุณหยาบคายมาก ฉันไม่เห็นว่าคุณจะมีเพื่อนคนไหนนอกจากเขา ถ้าคุณยังขืนทำแบบนี้กับคุณสเนป เขาอาจจะหาย -- "
"หมอมีอะไรกินบ้าง" นักสืบหนุ่มลุกจากเก้าอี้นวมและเดินเข้ามา เขารื้อค้นอาหารในห่อกระดาษโดยไม่สนใจว่าหญิงสาวกำลังจะเก็บเข้าตู้เย็น
"นี่คุณ! ฟังที่ฉันพูดอยู่หรือเปล่า" เธอถามอย่างหมดความอดทน
"วันนี้คุณนายฮัดสันไม่อยู่ หมอรีบทำมื้อเย็นเร็วๆเข้าผมหิวแล้ว" เมื่อเขารื้อค้นของกระจุยกระจายจนพอใจก็ออกปากสั่ง และหมุนตัวเดินออกไปจากครัว
คุณหมอสาวถลึงตาใส่แผ่นหลังของเชอร์ล็อก แล้วเธอก็ตัดสินใจว่าไม่อยากโต้เถียงเรื่องนี้จึงหันไปทำมื้อเย็น
หลังจากที่เพิ่งกลับจากสถานที่เกิดเหตุ โฮล์มส์และหมอวัตสันก็นั่งแท็กซี่กลับมายังถนนเบเกอร์อีกครั้ง แต่แล้วนักสืบหนุ่มผู้เอาแต่ใจก็เกิดอยากแวะร้านอาหารขึ้นมา ทั้งสองจึงลงจากรถ เฟริน่าพยายามไม่เลือกอาหารที่ดูมีสีแดงมากนัก เพราะเพิ่งเห็นศพมาจากห้องดับจิต เธอจึงเลือกกินซุปแทน ขณะที่ทั้งสองนั่งอยู่ริมหน้าต่างร้านและกำลังจัดการอาหารของตัวเอง สายตาคุณหมอสาวก็เหลือบไปเห็นชายคนหนึ่งที่กำลังผลักประตูเข้ามาในร้าน เขามีรูปร่างผอมสูง ผมและเคราสั้นสีน้ำตาลแดง ใส่สูทโก้สีน้ำเงินและดูดีมาก ดวงตาสีฟ้าอ่อนคู่นั้นเป็นประกายวิบวับ ชายคนนั้นตรงเข้ามาที่โต๊ะ
"สวัสดีตอนบ่าย เชอร์ล็อก" ชายคนนั้นพูดยิ้มๆ เฟริน่าเห็นนักสืบหนุ่มมีสีหน้าขึ้งเครียด เชอร์ล็อกทิ้งมีดและส้อมลงอย่างแรง
"ไปกันเถอะ วัตสัน" เขาพูดห้วนๆ พลางคว้าผ้าเช็ดปากขึ้นมาเขวี้ยงใส่โต๊ะ
"เชอร์ล็อก!" เฟริน่าถลึงตาใส่เขา แต่เมื่อนักสืบหนุ่มกำลังจะลุกขึ้น ชายคนนั้นก็เปลี่ยนมายิ้มให้เธอ พลางยื่นมือมาให้
"สวัสดี เธอคงเป็น เฟริน่า วัตสัน คู่หูของเขาใช่ไหม"
"ใช่ค่ะ" คุณหมอสาวยื่นมือไปจับมือเขา พลางนึกสงสัยว่าชายคนนี้เป็นใคร "แล้วคุณเป็นใครคะ"
เชอร์ล็อกหันไปพูดเสียงเข้มใส่ชายคนนั้นอย่างไม่สบอารมณ์ "อย่ายุ่งกับเธอ! -- หมอ ผมบอกให้กลับ"
แต่ชายคนนั้นไม่สนใจคำพูดของนักสืบหนุ่ม ชั่ววินาทีนั้นเฟริน่ารู้สึกราวกับถูกเอ๊กซเรย์ด้วยดวงตาสีฟ้าอ่อนคู่นั้น
"ผมอัลบัส ดัมเบิลดอร์ เป็นอดีตอาจารย์ของเขา"
Do you miss me?
Jim Moriarty
ทอมได้แต่จ้องรูปถ่ายกำแพงในที่เกิดเหตุอย่างขึ้งเครียด แม้ดัมเบิลดอร์จะเคยเตือนถึงเรื่อง เขา แต่ทอมไม่คิดว่าทุกอย่างที่ดัมเบิลดอร์และสเนปพยายามจะเตือนมันคือเรื่องจริง
"เขากลับมาแล้ว มีคนเห็น" สเนปบอก
"ถ้าเธอไม่เชื่อใจฉัน งั้นก็แปลว่าเธอเชื่อใจเขาสินะ" ดัมเบิลดอร์ถาม
นักสืบหนุ่มวางรูปถ่ายใบนั้นลงบนโต๊ะใกล้ๆ ก่อนจะเลื่อนมือไปจับข้อมือซ้ายตัวเองไว้แน่นด้วยสีหน้าเจ็บปวด
ทอมยืนจ้องออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าด้านนอกเป็นสีน้ำเงินประดับด้วยดวงดาวเพียงไม่กี่ดวงที่เห็นได้ยากในใจกลางกรุงลอนดอน มีมักเกิ้ลหนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินจูงมือกันอยู่บนทางเท้า ทั้งสองกำลังหัวเราะอย่างมีความสุข นักสืบหนุ่มยืนนิ่งเงียบและจมดิ่งอยู่ในความคิดที่ไม่มีใครหยั่งถึง
ไม่รู้ว่าเขาเหม่อมองไปนานเท่าใด ก่อนที่เสียงของหล่นจะดังขึ้นดึงทอมให้หันกลับไปมอง คุณหมอสาวกำลังหลับอยู่บนเก้าอี้นวม แว่นตาเอียงกะเท่เร่ มือตกห้อยลงมามีหนังสือเล่มหนึ่งหล่นอยู่บนพรม ทอมเดินตรงไปหาเธอ อดไม่ได้ที่จะยื่นนิ้วเรียวยาวไปเกลี่ยเส้นผมที่หล่นลงมาปรกใบหน้าของหมอวัตสัน
"ผมต้องทำยังไงดี หมอ"
เป็นครั้งแรกที่เชอร์ล็อก โฮล์มส์มีคำถามที่หาคำตอบไม่ได้ เมื่อตอนนี้เขาไม่ไว้ใจดัมเบิลดอร์พอๆกับที่ไม่ใจมอริอาร์ตี้คนนั้น...
*****************************
เรื่องนี้เป็น Special Thanks จากฟิค [Harry Potter and Everything has changed] OCx? ที่ยอด Fav. เกิน 1,500 ค่ะ แต่ที่แยกออกมา เพราะมันจะมีชื่อตอนที่ลง หากไปลงรวมกับตอนหลัก เดี๋ยวรีดจะสับสนค่ะ เพราะที่ผ่านๆมา จากตอนพิเศษที่ลงกระจายๆไปมีรีดบางคนสับสนพอสมควร (ขนาดไม่ได้ใส่ชื่อตอน แต่ใส่เพียงชื่อตัวละครแล้วนะ) และไรท์ตั้งใจจะให้สเปเชียลแต้งนี้มีชื่อตอน ไรท์เกรงว่าจะยิ่งสับสนอีก ทั้งว่าจะติดแท้ก Sherlock ด้วยค่ะ รวมทั้งจะมีเครดิตอ้างอิงข้อมูลมากมาย เพราะเรื่องสืบสวนคดีแบบนี้ ไรท์คงต้องค้นดีๆค่ะ เพื่อความสมจริงที่สุด เรื่องศพ เรื่องบาดแผล การฆาตกรรม อยากทำออกมาให้ดีๆ (แต่อย่าคาดหวังเรื่องคดีมากเลยนะคะ ไรท์กลัวทำไม่ถึงที่รีดหวังกันเอาไว้ แต่จะพยายามค่ะ 5555) เอาเป็นว่า Special Thanks อันนี้ไม่ต้องไปกด Fav. นะคะ เพราะถ้าลงจะแจ้งในตอนหลักค่ะ ตอนนี้คิดคดีตอนแรกได้แล้ววว สลับซับซ้อนเชียวล่ะ จบแบบหักมุมแน่ๆว่าฆาตกรที่แท้จริงคือใคร แต่ตอนนี้ไรท์ขอทยอยแต่งด๊อบบี้กับหนุมานก่อนนะ แล้วเดี๋ยวจะเร่งลงตอนหลักแล้วจึงมาต่อเรื่องนี้ค่ะ :)
ปล.เรื่องนี้มีตัวละครลับหลายตัวเลย ไม่เรียงตามอายุจริงของต้นฉบับนะคะ
ปล.2 เรื่องตัวละครแฮร์รี่หลายคนจะแทนที่ตัวละครเชอร์ล๊อกหลายคนเลยค่ะ จะมีคงไว้ไม่กี่คน ส่วนตัวละครแฮร์รี่ตัวอื่นๆก็จะมีบทบาท เรื่องอธิบายคาแรกเตอร์ตัวละครทีละตัวมีแปะรูป ไรท์ขอไม่ทำนะคะ อยากให้อ่านแล้วลุ้นดีกว่าว่าเรื่องนี้จะมีตัวละครไหนโผล่มาบ้าง และตัวละครไหนที่ถูกแทนที่ สำหรับเชอร์ล๊อกกับหมอวัตสันคงรู้แล้วล่ะเนอะ 5555 บอกอีกนิด ตัวละครเชอร์ล๊อกจะอิงจาก bbc และตามหนังสือนะ มอริอาร์ตี้จะไม่ใช่คนหนุ่ม เพราะไรท์ชอบในหนังสือมากกว่า แต่ก็จะพยายามดึงจาก bbc มาบ้าง(บางอย่าง) แต่มอริอาร์ตี้เรื่องนี้ร้ายกว่ามากค่ะ มีลูกสมุนร่วมอุดมการณ์เยอะพอสมควร งานนี้ดูท่าว่าเชอร์ล๊อกหรือทอม ริดเดิ้ลจะเจอศัตรูที่รับมือยาก รวมทั้งเขามีความลับดำมืดที่ซ่อนอยู่... เห็นจากคำว่า โดนยึดไม้ไปแล้ว ต้องทำอะไรผิดมาแน่ๆล่ะ อดีตของเชอร์ล๊อกเรื่องนี้ไม่ใช่คนมือสะอาด ไม่ใช่คนดีอะไร แต่ดำสนิทเลยล่ะ ดำสนิทจนได้ตีตั๋วไปเที่ยวที่อัซคาบัน ถ้าไม่ได้ใครบางคนช่วยไว้ ก็คงไม่ได้ออกมายืนตรงนี้ ถ้ารู้อดีตแล้วจะช๊อก!
ส่วนคลิปด้านล่างนี้ (ใครเปิดอ่านนิยายในแอพเด็กดีคงไม่เห็นนะ) คือไรท์จะไม่ยอมเห็นคนเดียวค่ะ ฮืออออ บังเอิญไปเจอ เพราะขุดรูปพี่ทอม ริดเดิ้ลมาแปะในฟิคนี้ แล้วดันไปเจอคลิปนี้ (จริงๆมีหลายเรื่องแหละ แต่เรื่อง HornBlower 2003 เนี่ย ทรงผมหยิกๆดูคล้ายทอม ริดเดิ้ลที่สุดละ ดูแล้วฟินนนนนนน) ไรท์ขอแบ่งปันความฟินนี้ให้กับคนที่ชอบทอม ริดเดิ้ลนะคะ เพราะอย่างที่รู้ว่าในแฮร์รี่ภาค 2 นั้น รู้สึกว่าดูพี่ทอมไม่จุใจยังไงไม่รู้สิ ;_; ต้องการอะไรเยียวยาหัวใจ คลิปนี้ Christian Coulson ดูไร้เดียงสามากกกกกก แก้มตอบ ผมหยิก ดูแล้วนึกถึงทอม ริดเดิ้ลสุดๆ ในเรื่องนี้พี่ Christian เล่นในบท Midshipman (ว่าที่เรือตรี) Jack Hammond ออกแนวใสๆ แต่ดูแล้วชอบมาก ไรท์ยังไม่ได้ดูเรื่องเต็มนะคะ เลยไม่สามารถบอกว่าเนื้อเรื่องเป็นยังไง แต่เรื่องนี้ Christian ไม่ใช่พระเอกแหละ แต่ใครสนล่ะ 55555 พล่ามเยอะ ไรท์บ้าเอง โปรดอย่าสนใจค่ะ
ผลงานอื่นๆ ของ StarCat, ลำนำ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ StarCat, ลำนำ
ความคิดเห็น